เที่ยวเวียดนามในปี 2025 เวียดนามกำลังกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าจับตามองที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกำลังเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับคนไทย ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และการเน้นความยั่งยืน เทรนด์การเดินทางในเวียดนามกำลังเปลี่ยนแปลงไปเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มองหาประสบการณ์ที่หลากหลายและแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น
ซึ่งวันนี้เองทาง daylightworldtravel จะพาทุกท่านไปอัพเดทการท่องเที่ยวในเวียดนามกัน พร้อมทั้งบอกประเด่นที่น่าสนใจต่าง ๆ ที่คุณจะต้องรู้หากต้องการไปเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวเวียดนามใช้เงินเท่าไหร่, เดือนไหนดี, ที่ไหนดี ฯลฯ เป็นต้น และแน่นอนว่าเรายังมีหัวข้อที่น่าสนใจอีกมากมายเกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยวเวียดนามที่ห้ามพลาดเป็นอย่างมากอีกด้วย จะมีอะไรกันบ้างนั้น ไปรับชมกันได้เลย
สนใจท่องเที่ยวกับ Daylight World Travel click 🔥
สอบถามรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมหรือติดตามDaylightได้ทุกช่องทาง
Facebook | Daylight World Travel 👉🏼 https://shorturl.asia/hz4d1
Instagram | @daylight.worldtravel👉🏼 https://shorturl.asia/zFCna
Line Official Account | @daylightworld 👉🏼 https://lin.ee/52NXqOq
1. เที่ยวเวียดนามในปี 2025 นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเกี่ยวกับการผจญภัยในธรรมชาติกันมากขึ้น
ปี 2025 การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเวียดนามที่เต็มไปด้วยแหล่งธรรมชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่ยอดเขาสูงชัน น่านน้ำสงบ ไปจนถึงถ้ำลึกใต้ดินที่รอการสำรวจ หากคุณเป็นนักเดินทางสายลุยและรักความท้าทาย นี่คือกิจกรรมและสถานที่ธรรมชาติที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
1.1 ปีนเขาและสัมผัสหมอกที่ซาปา (Sapa)
ซาปา เมืองในหมอกที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม คือสวรรค์ของคนรักการปีนเขาและเดินป่า
- ยอดเขาฟานซีปัน (Fansipan) ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน (3,147 เมตร) เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและพิชิตความท้าทาย
- เส้นทางเดินป่า สำรวจนาขั้นบันไดที่งดงามและหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมือง เช่น หมู่บ้านตาวาน (Ta Van) หรือหมู่บ้านลาวไช (Lao Chai)
- เคล็ดลับ ควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดินป่า และอย่าลืมกล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพวิวสวย ๆ ระหว่างทาง
1.2 พายเรือคายัคที่อ่าวลานฮา (Lan Ha Bay)
หากคุณหลงใหลการผจญภัยในน้ำ อ่าวลานฮาในจังหวัดกว๋างนิงห์ (Quang Ninh) คือจุดหมายที่ต้องไป
- ทำไมต้องลานฮา? อ่าวลานฮาเป็นน้องสาวที่เงียบสงบของอ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและไม่พลุกพล่าน
- กิจกรรมห้ามพลาด
- พายเรือคายัคผ่านช่องหินปูนและถ้ำใต้น้ำ
- ว่ายน้ำในลากูนที่ซ่อนตัว
- ดำน้ำตื้นชมปะการังในน้ำทะเลใส
- เคล็ดลับ ไปกับไกด์ท้องถิ่นที่รู้จักเส้นทางดี และเลือกใช้บริการที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
1.3 สำรวจโลกใต้ดินในถ้ำเซินด่อง (Son Doong Cave)
ถ้าคุณอยากสัมผัสประสบการณ์ที่เหมือนหลุดไปยังอีกโลก ถ้ำเซินด่องในจังหวัดกว๋างบิ่ญ (Quang Binh) คือต้องมา!
- ทำไมถ้ำเซินด่องถึงพิเศษ?
- เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก! มีป่าและแม่น้ำในตัวถ้ำ
- เพดานถ้ำสูงถึง 200 เมตร และกว้างพอที่จะใส่เครื่องบินโบอิ้ง 747 ได้
- กิจกรรมผจญภัย
- เดินป่าและปีนป่ายผ่านป่าดงดิบเพื่อไปยังปากถ้ำ
- ตั้งแคมป์ในถ้ำและสำรวจโลกใต้ดินที่ยังคงความบริสุทธิ์
- เคล็ดลับ การเยี่ยมชมถ้ำเซินด่องต้องจองล่วงหน้ากับบริษัททัวร์ที่ได้รับอนุญาต เช่น Oxalis Adventure เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเข้าชม
1.4 เส้นทางอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเวียดนาม
- น้ำตกบ๋านซก (Ban Gioc Waterfall) น้ำตกชายแดนเวียดนาม-จีน ที่คุณสามารถล่องเรือไม้ไผ่และชมความงดงามของธรรมชาติ
- ทะเลสาบบ่าเบ๋ (Ba Be Lake) สถานที่เงียบสงบสำหรับพายเรือคายัคหรือสำรวจถ้ำเล็ก ๆ รอบทะเลสาบ
- ภูเขาบานา (Ba Na Hills) นอกจากสะพานสีทองอันโด่งดังแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าที่ให้วิวธรรมชาติเหนือเมฆ
การเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในเวียดนาม
- อุปกรณ์ที่เหมาะสม
- รองเท้าสำหรับเดินป่า
- ชุดกันน้ำสำหรับกิจกรรมในน้ำ
- อุปกรณ์ถ่ายภาพสำหรับเก็บความประทับใจ
- เลือกฤดูที่เหมาะสม
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) หรือฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
- จองล่วงหน้า โดยเฉพาะกิจกรรมพิเศษ เช่น การสำรวจถ้ำเซินด่อง หรือการปีนเขาฟานซีปัน
2. มาเที่ยวเวียดนามทั้งที วัฒนธรรมพื้นบ้านของที่นี่ก็เป็นที่นิยมกันมากขึ้นเช่นกัน
ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และความใส่ใจในการใช้ธรรมชาติบำบัด เวียดนามกำลังกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาพมากยิ่งขึ้นจริง ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งเราจะมาแนะนำประสบการณ์ที่คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรม และเติมพลังให้ชีวิตที่เวียดนามที่น่าสนใจกันเลย
สัมผัสวัฒนธรรมพื้นบ้านที่แท้จริง
2.1 ร่วมกิจกรรมในหมู่บ้านชนเผ่า
เวียดนามมีหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้อย่างเข้มแข็ง เช่น
- หมู่บ้านตาวาน (Ta Van) ใกล้ซาปา นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมพื้นบ้าน เช่น การทอผ้า การปลูกข้าว และเทศกาลประเพณีเฉพาะถิ่น
- หมู่บ้านก๊าตก๊าต (Cat Cat) เรียนรู้วิถีชีวิตชนเผ่าม้งดำ (Black Hmong) และชมการแสดงดนตรีพื้นเมือง
ไฮไลต์ การเข้าร่วมประเพณีในหมู่บ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ แต่ยังช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
2.2 เรียนทำอาหารเวียดนามแท้ ๆ
อาหารเวียดนามเป็นที่รู้จักในด้านความสดใหม่และสมดุล เช่น เฝอ (Pho) และปอเปี๊ยะสด (Goi Cuon) การเรียนทำอาหารกับเชฟท้องถิ่นในเมืองต่าง ๆ เช่น
- ฮอยอัน เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม มีคลาสเรียนทำอาหารที่เริ่มต้นจากการเลือกวัตถุดิบในตลาดท้องถิ่น
- ฮานอย ลองเรียนรู้การทำ “บั๋นแส่ว” (Banh Xeo) หรือเครปเวียดนาม ที่มีทั้งความอร่อยและสนุกสนาน
ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจในบรรยากาศธรรมชาติ
2.3 สปาเวียดนาม ธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง
สปาในเวียดนามเน้นการใช้สมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น เช่น
- การอบไอน้ำด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ผสมผสานใบไม้หอมและสมุนไพรท้องถิ่น เช่น ใบยูคาลิปตัส และตะไคร้
- การนวดด้วยน้ำมันมะพร้าว ที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
แนะนำสถานที่ - เมืองญาจาง (Nha Trang) เมืองชายทะเลที่มีสปาริมชายหาดมากมาย เช่น การนวดหินร้อนพร้อมวิวทะเล
- ดาลัด (Da Lat) เมืองแห่งอากาศเย็นสบายที่ขึ้นชื่อเรื่องสปาและรีสอร์ตกลางธรรมชาติ
2.4 เมืองดาลัด เมืองแห่งการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ
- บ่อน้ำพุร้อน ดาลัดมีน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ช่วยบำบัดร่างกาย
- การเดินเล่นในสวนดอกไม้ ดาลัดเป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองดอกไม้” การเดินชมสวนจะช่วยให้คุณผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
- โยคะและสมาธิ หลายรีสอร์ตในดาลัดมีคลาสโยคะและสมาธิในบรรยากาศที่เงียบสงบ
พักผ่อนริมทะเลที่ญาจาง
ญาจางไม่ได้มีแค่ทะเลที่งดงาม แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพ
- สปาโคลน (Mud Spa) การแช่ตัวในโคลนธรรมชาติช่วยบำรุงผิวและลดความเครียด
- ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ชมความงดงามของโลกใต้ทะเลที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
- วิถีชีวิตแบบ Slow Life นั่งจิบชาในคาเฟ่ท้องถิ่นพร้อมชมวิวทะเล
เคล็ดลับเที่ยวเวียดนามเพื่อลิ้มรสความเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านได้ดียิ่งขึ้น
- ลองทุกอย่าง เปิดใจลองกิจกรรมใหม่ ๆ เช่น การเรียนทำอาหารหรือเข้าร่วมเทศกาลในหมู่บ้าน
- เตรียมตัวให้พร้อม นำเสื้อผ้าที่สบายและเหมาะกับกิจกรรม เช่น การนวดหรือการเดินป่า
- เลือกใช้บริการท้องถิ่น สนับสนุนชาวบ้านโดยเลือกพักในโฮมสเตย์และใช้บริการสปาที่ดำเนินการโดยคนท้องถิ่น
3. เทรนด์แบกเป้เที่ยวเวียดนาม สำหรับคนงบน้อย ก็สามารถสนุกสุดคุ้มในงบจำกัดได้แน่นอน
เวียดนามถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักเดินทางแบกเป้ที่ต้องการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรม ในราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ของคุณอย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเดินป่า ปีนเขา ชมเมืองเก่า หรือชิลริมทะเล เวียดนามมีครบทุกอย่าง และด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูง บวกกับการเดินทางที่สะดวก เวียดนามจึงถือได้เลยว่าเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่คุณต้องลองสักครั้ง
มาดูกันว่า ทำไมเวียดนามถึงเป็นสวรรค์ของสายแบกเป้ และจุดไหนที่คุณควรไปกันบ้าง
ทำไมต้องแบกเป้เที่ยวเวียดนาม?
- ค่าครองชีพต่ำ
- อาหารอร่อย ๆ อย่าง เฝอ หรือ บั๋นหมี่ เริ่มต้นเพียงไม่กี่บาท
- ค่าที่พักในโฮสเทลเริ่มต้นเพียงคืนละ 100-200 บาท
- การเดินทางโดยรถบัสหรือรถไฟราคาย่อมเยา
- ที่พักหลากหลาย
- โฮสเทลสไตล์ทันสมัยและเกสต์เฮาส์ราคาประหยัดมีให้เลือกในทุกเมือง
- หลายแห่งยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้คุณได้พบเพื่อนใหม่ ๆ จากทั่วโลก
- การเดินทางสะดวก
- รถบัสและรถไฟเชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ฮานอย ฮอยอัน และโฮจิมินห์
- สายการบินโลว์คอสต์ทำให้คุณบินในประเทศได้ในราคาประหยัด
เส้นทางแนะนำสำหรับสายแบกเป้
3.1 ฮานอย (Hanoi) เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับ
เริ่มต้นการเดินทางที่ฮานอย เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมเก่าและใหม่
- เดินเล่นย่านเมืองเก่า (Old Quarter) ชมบ้านไม้แคบ ๆ สไตล์โคโลเนียลและตลาดถนนที่คึกคัก
- ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) จุดพักผ่อนที่สงบใจกลางเมือง
- อาหารราคาประหยัด ลอง เฝอ ที่ร้านข้างทาง หรือกาแฟไข่ที่เป็นเอกลักษณ์ของฮานอย
3.2.ซาปา (Sapa) สวรรค์ของนักเดินป่า
สำหรับสายลุย ซาปาคือจุดหมายที่คุณต้องไป
- เดินป่าชมหมู่บ้านชนเผ่า เยี่ยมหมู่บ้านตาวานและก๊าตก๊าต พร้อมวิวทุ่งนาขั้นบันไดที่งดงาม
- ปีนเขาฟานซีปัน ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน
ที่พัก โฮมสเตย์ในหมู่บ้านราคาไม่แพง แถมยังได้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น
3.3 ฮอยอัน (Hoi An) เมืองเก่าแห่งมนต์เสน่ห์
ฮอยอัน เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศโรแมนติก
- เช่าจักรยานปั่นชมเมือง ราคาถูกแถมยังได้ฟีลสุดชิล
- เดินเล่นตลาดกลางคืน ชิมอาหารสตรีทฟู้ดและเลือกซื้อของฝากราคาย่อมเยา
เคล็ดลับ หลายโฮสเทลในฮอยอันมีบริการให้ยืมจักรยานฟรี!
3.4 ดานัง (Da Nang) เมืองชายทะเลที่เข้าถึงง่าย
ดานังเป็นอีกจุดหมายที่เหมาะกับนักเดินทางงบจำกัด
- ชายหาดสวย ๆ เช่น หาดหมีเคว (My Khe Beach) ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน
- สะพานมังกร (Dragon Bridge) ชมโชว์พ่นไฟในช่วงเย็นสุดอลังการ
- ที่พัก มีโฮสเทลริมทะเลที่ราคาไม่แพงและมีวิวสุดฟิน
3.5 โฮจิมินห์ซิตี้ (Ho Chi Minh City) เมืองใหญ่ที่ไม่หลับใหล
ปิดท้ายทริปที่โฮจิมินห์ซิตี้ เมืองแห่งประวัติศาสตร์และชีวิตกลางคืน
- พิพิธภัณฑ์สงคราม เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์
- ตลาดเบ๊นถั่น (Ben Thanh Market) แหล่งช้อปปิ้งและอาหารราคาย่อมเยา
ไฮไลต์ ย่านแบคแพคเกอร์ในถนนฟามงูเหลา (Pham Ngu Lao) เต็มไปด้วยบาร์ คาเฟ่ และที่พักราคาถูก
เคล็ดลับสำหรับการแบกเป้เที่ยวเวียดนาม
- จองที่พักล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว โฮสเทลดี ๆ มักเต็มไว
- ใช้รถบัสและรถไฟ การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่สะดวกและราคาถูก
- ลองอาหารข้างทาง นอกจากราคาประหยัด ยังได้สัมผัสรสชาติดั้งเดิม
- พกเงินสด แม้ร้านใหญ่ ๆ จะรับบัตรเครดิต แต่ร้านเล็ก ๆ หรือตลาดส่วนใหญ่ยังใช้เงินสด
4. เที่ยวเวียดนามแบบมินิมอล ช้าลง… แล้วดื่มด่ำกับทุกความสุขให้มากยิ่งขึ้น
เคยรู้สึกไหมว่า การเดินทางที่เต็มไปด้วยแผนเที่ยวแน่น ๆ อาจทำให้เราพลาด “ความสุขเล็ก ๆ” ของการใช้เวลากับสถานที่นั้น ๆ อย่างแท้จริง? นี่คือเหตุผลที่ เทรนด์การท่องเที่ยวแบบมินิมอล หรือ Slow Travel กำลังมาแรงในปี 2025 โดยเน้นการใช้เวลาในสถานที่หนึ่ง ๆ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ วัฒนธรรม และรายละเอียดเล็ก ๆ รอบตัว
และถ้าพูดถึงจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับ Slow Travel… เวียดนามต้องติดอันดับอย่างแน่นอน!! เพราะที่นี่เต็มไปด้วยมุมสงบ ผู้คนเป็นกันเอง และความเรียบง่ายที่พร้อมให้คุณได้ซึมซับในทุกช่วงเวลานั่นเอง
Slow Travel คืออะไร?
Slow Travel หมายถึงการเดินทางที่ให้คุณ
- ใช้เวลาในสถานที่หนึ่งนานขึ้น
- ใส่ใจกับประสบการณ์รอบตัว เช่น การพูดคุยกับคนท้องถิ่น การลิ้มลองอาหารในร้านเล็ก ๆ หรือการเดินเล่นชมวิว
- ลดความรีบเร่ง ไม่ต้องเยี่ยมชมทุกแลนด์มาร์คในทริปเดียว
สถานที่และกิจกรรมสำหรับ Slow Travel ในเวียดนาม
4.1 ฮอยอัน (Hoi An): เมืองเก่าแสนสงบที่มีชีวิตชีวา
- เดินเล่นริมแม่น้ำ สัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติกของเมืองเก่าฮอยอันในยามเย็น ท่ามกลางแสงโคมไฟที่ส่องสว่าง
- ลองใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น นั่งจิบกาแฟที่ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ในตรอกซอย หรือเรียนรู้การทำโคมไฟจากชาวบ้าน
- ล่องเรือกระด้ง สนุกไปกับการพายเรือกระด้งในสวนมะพร้าว พร้อมฟังเรื่องเล่าจากคนพายเรือ
4.2 ดาลัด (Da Lat): เมืองแห่งความสงบในอ้อมกอดขุนเขา
- จิบกาแฟท่ามกลางหมอก คาเฟ่ในดาลัดไม่ได้มีแค่เครื่องดื่มอร่อย ๆ แต่ยังมาพร้อมวิวธรรมชาติที่ทำให้คุณอยากอยู่ต่ออีกนาน
- เดินเล่นตลาดกลางคืน ตลาดที่เต็มไปด้วยของกินราคาย่อมเยาและเสื้อผ้าถักไหมพรมที่ชาวบ้านทำเอง
- ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบซวนเฮือง (Xuan Huong Lake) ช้าลงและดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสงบ
4.3 เกาะฟู้โกว๊ก (Phu Quoc) นั่งชิลริมชายหาด
- ชายหาดที่ไม่พลุกพล่าน ฟู้โกว๊กมีชายหาดเงียบสงบมากมาย เช่น หาดไบ่ซาว (Bai Sao Beach) ที่เหมาะกับการนั่งอ่านหนังสือหรือฟังเสียงคลื่น
- อาหารทะเลสด ๆ ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ที่ตลาดกลางคืนฟู้โกว๊ก
- นอนเปลริมทะเล บางครั้งความสุขก็แค่นอนเอนกายในเปลชายหาดพร้อมลมทะเลเบา ๆ
4.4 ฮานอย (Hanoi) นั่งจิบกาแฟและชมชีวิตผู้คน
- คาเฟ่ริมถนน ฮานอยมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ ลองกาแฟไข่หรือกาแฟมะพร้าว แล้วใช้เวลาสังเกตชีวิตผู้คนที่ผ่านไปมา
- ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) เดินเล่นรอบทะเลสาบหรือหาที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อชมวิวและพูดคุยกับคนท้องถิ่น
4.5 นิงห์บิ่ญ (Ninh Binh) ชมวิว “ฮาลองบก” แบบสบาย ๆ
- ล่องเรือในแม่น้ำตามก๊ก เพลิดเพลินไปกับวิวหินปูนสูงชันที่เรียงรายรอบแม่น้ำ
- เดินป่าชมธรรมชาติ เดินสำรวจพื้นที่รอบวัดไบ่ดิงห์ (Bai Dinh Pagoda) ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ
ทำไม Slow Travel ถึงเหมาะกับเวียดนาม?
- จังหวะชีวิตเรียบง่าย เวียดนามมีวิถีชีวิตที่สงบและไม่เร่งรีบ ทำให้คุณสามารถผ่อนคลายและใช้เวลาดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่
- ผู้คนอบอุ่น ชาวเวียดนามยินดีต้อนรับและพร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยว คุณอาจได้เพื่อนใหม่หรือเรื่องราวดี ๆ จากคนท้องถิ่น
- ค่าใช้จ่ายไม่สูง คุณสามารถใช้เวลาในสถานที่เดิมได้นานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ
เคล็ดลับสำหรับ Slow Travel ในเวียดนาม
- ลดจำนวนสถานที่ในแผนการเดินทาง เน้นที่คุณภาพของประสบการณ์มากกว่าปริมาณ
- ลองทำสิ่งใหม่ ๆ เช่น เรียนรู้ทำอาหารท้องถิ่น นั่งคุยกับชาวบ้าน หรือเดินสำรวจตรอกซอย
- พักในโฮมสเตย์ ที่พักแบบโฮมสเตย์จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่
- พกหนังสือหรือสมุดบันทึก บันทึกความประทับใจในช่วงเวลาที่คุณได้หยุดพักและใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
คำถามที่พบบ่อย
Q:เที่ยวเวียดนามเดือนไหนดี?
A:เวียดนามเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศหลากหลาย เนื่องจากมีพื้นที่ยาวจากเหนือจรดใต้ ทำให้แต่ละภูมิภาคมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวเวียดนาม การเลือกเดือนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานที่และกิจกรรมที่คุณอยากทำ มาดูกันว่าแต่ละภูมิภาคของเวียดนามมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือเมื่อไหร่
ภาคเหนือ (ฮานอย, ซาปา, ฮาลองเบย์)
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด
- ตุลาคม – เมษายน: อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และกุมภาพันธ์-เมษายน ที่มีท้องฟ้าสดใส
เหตุผลที่ควรไป
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ทิวทัศน์นาขั้นบันไดในซาปาเปลี่ยนเป็นสีทอง
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-มกราคม) ซาปาอาจมีหมอกหนาและอากาศเย็นจัด บางครั้งอุณหภูมิอาจต่ำถึง 0°C ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรป
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) เหมาะสำหรับการล่องเรือในฮาลองเบย์ ด้วยอากาศแห้งและเย็น
หลีกเลี่ยง
- พฤษภาคม-กันยายน เป็นช่วงฤดูฝนของภาคเหนือ โดยเฉพาะในซาปาที่อาจมีฝนตกหนักและเส้นทางเดินป่าลื่น
ภาคกลาง (ฮอยอัน, ดานัง, เว้)
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด
- กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม: อากาศเย็นสบายและมีฝนตกน้อย
- ตุลาคม ฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศโรแมนติก
เหตุผลที่ควรไป
- ฮอยอัน ช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน อากาศเหมาะกับการเดินเล่นในเมืองเก่า หรือล่องเรือในแม่น้ำ
- ดานัง หาดสวยและน้ำทะเลใสเหมาะสำหรับการพักผ่อนในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
- เทศกาลดอกไม้ไฟ ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ดานังจัดเทศกาลที่ตระการตา
หลีกเลี่ยง
- กันยายน-พฤศจิกายน เป็นช่วงพายุและฝนตกหนักในภาคกลาง อาจทำให้การเดินทางไม่สะดวก
ภาคใต้ (โฮจิมินห์ซิตี้, ดาลัด, เกาะฟู้โกว๊ก)
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด
- พฤศจิกายน – เมษายน อากาศแห้งและเย็นสบาย
เหตุผลที่ควรไป
- ดาลัด ช่วงพฤศจิกายน-มีนาคม เป็นฤดูดอกไม้บาน เหมาะกับการเที่ยวสวนดอกไม้และจิบกาแฟท่ามกลางหมอก
- ฟู้โกว๊ก ช่วงธันวาคม-มีนาคม น้ำทะเลใสและเหมาะสำหรับดำน้ำ
- โฮจิมินห์ อากาศร้อนแต่แห้ง เหมาะสำหรับเดินเที่ยวเมืองหรือเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่
หลีกเลี่ยง
- พฤษภาคม-ตุลาคม เป็นฤดูฝน อาจมีฝนตกทุกวัน แต่อุณหภูมิยังคงร้อน
Q:เที่ยวเวียดนามใช้เงินเท่าไหร่?
A:เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกระดับงบประมาณ ตั้งแต่นักเดินทางสายแบกเป้ที่มองหาทริปราคาประหยัด ไปจนถึงนักท่องเที่ยวสายหรูที่ต้องการความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม มาดูกันว่าการเที่ยวเวียดนามตั้งแต่งบน้อยไปจนถึงงบเยอะ คุณควรเตรียมเงินเท่าไหร่กัน
1. งบประหยัด: แบกเป้เที่ยว (฿500 – ฿1,000 ต่อวัน)
สำหรับนักเดินทางที่ต้องการประหยัดงบและเน้นประสบการณ์แบบโลคอล นี่คืองบประมาณขั้นต่ำที่ครอบคลุมความต้องการพื้นฐาน
- ที่พัก โฮสเทลหรือเกสต์เฮาส์ (฿200-฿300 ต่อคืน)
- อาหาร อาหารริมถนน เช่น เฝอ, บั๋นหมี่ (฿30-฿50 ต่อมื้อ)
- การเดินทาง รถบัสท้องถิ่นหรือจักรยานเช่า (฿50-฿100 ต่อวัน)
- กิจกรรม ล่องเรือในอ่าวลานฮา (฿300-฿500) หรือเดินป่าที่ซาปา (ฟรีหรือต่ำกว่า ฿100)
ตัวอย่างงบประมาณ
- 3 วันในฮานอย ฿1,500 – ฿3,000
- 1 สัปดาห์ทั่วเวียดนาม ฿3,500 – ฿7,000
2. งบปานกลาง สะดวกสบายในราคาไม่แพง (฿1,500 – ฿3,000 ต่อวัน)
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ยังควบคุมงบได้ดี
- ที่พัก โรงแรม 2-3 ดาว หรือรีสอร์ตเล็ก ๆ (฿800-฿1,500 ต่อคืน)
- อาหาร ร้านอาหารท้องถิ่นหรือคาเฟ่ (฿100-฿300 ต่อมื้อ)
- การเดินทาง แท็กซี่ Grab หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ (฿150-฿300 ต่อวัน)
- กิจกรรม ทัวร์วันเดียวในฮอยอัน (฿800-฿1,500) หรือเที่ยวชมถ้ำฟองญา (฿1,200-฿2,000)
ตัวอย่างงบประมาณ
- 3 วันในฟู้โกว๊ก ฿4,500 – ฿9,000
- 1 สัปดาห์ทั่วเวียดนาม ฿10,000 – ฿20,000
3. งบสูง เที่ยวหรูแบบจัดเต็ม (฿5,000+ ต่อวัน)
สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวเวียดนามแบบหรูหราและสะดวกสบายทุกขั้นตอน
- ที่พัก โรงแรม 4-5 ดาว หรือรีสอร์ตสุดหรู (฿3,000-฿10,000 ต่อคืน)
- อาหาร ร้านอาหารระดับพรีเมียม (฿500-฿1,000 ต่อมื้อ)
- การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัวพร้อมคนขับ หรือสายการบินโลว์คอสต์ในประเทศ (฿1,000+ ต่อเที่ยว)
- กิจกรรม ล่องเรือสำราญในอ่าวฮาลอง (฿5,000-฿10,000) หรือเข้าคลาสทำอาหารระดับไฮเอนด์ (฿2,000-฿3,000)
ตัวอย่างงบประมาณ
- 3 วันในดาลัด ฿15,000 – ฿25,000
- 1 สัปดาห์ทั่วเวียดนาม ฿35,000 – ฿70,000
สนใจท่องเที่ยวกับ Daylight World Travel click 🔥
สอบถามรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมหรือติดตามDaylightได้ทุกช่องทาง
Facebook | Daylight World Travel 👉🏼 https://shorturl.asia/hz4d1
Instagram | @daylight.worldtravel👉🏼 https://shorturl.asia/zFCna
Line Official Account | @daylightworld 👉🏼 https://lin.ee/52NXqOq